วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประวัติส่วนตัว

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยิ้ม, กำลังยืน
ชื่อ : นางสาวอัญชิสา เรืองพูล

รหัสนักศึกษา 5641060002 กลุ่ม 56/10
กำลังศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ เอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี

สมาชิกกลุ่ม

วิจัยที่เกี่ยวข้อง

การพัฒนาการสอนรูแแบบวิทยาศาสตร์ DRU MODEL




DRU Model 
          D คือการวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
          R คือขั้นการวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
          U คือการตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDL เพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้


หลักการของ DRU Mode 
         
          1. หลักปรัชญาการสอน ใช้หลักปรัชญาการสอนตามแนวคิด ทฤษฎีสรรค์นิยม
          2. การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ( learner centered learning) การเรียนรู้โดยใช้การวิจัย เป็นฐานะ และการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน (cooperative learning)
          3. การประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริง (authentic assessment) และกำหนดคุณภาพตามแนวคิด SOLO Taxonomy ร่วมกับแนวคิดกำรออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสำกล (Universal Design for Learning and Assessment)


DRU Model มี 3 ขั้นตอน ดังนี้

          ขั้น D: Diagnosis of needs (การวินิจฉัยและออกแบบการเรียนรู้ ) 
                           เป็นขั้นให้นักศึกษาวินิจฉัยและตัดสินใจในการวางแผนและออกแบบการเรียนรู้โดยนักศึกษาสามารถกำหนดจุดมุ่งหมายการเรียนรู้และกำหนดภาระงานตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดได้สามารถออกแบบ       การจัดการเรียนรู้นำเสนอเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ซึ่งในขั้น D: Diagnosis of needs ประกอบด้วยขั้น ตอน 6 ขั้น คือ
          1) การวินิจฉัยความต้องการ (diagnosis of needs)
          2) การกำหนดวัตถุประสงค์ (formulation of objectives)
          3) การเลือกเนื้อหา (selection of content)
          4) การบริหารจัดระบบเนื้อหา (organization of content)
          5) การเลือกประสบการณ์ให้ผู้เรียน (selection of learning experiences)
          6) การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ (organization of learning experiences)     ซึ่งการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวเพื่อช่วยให้นักศึกษาสามารถวิเคราะห์หลักสูตรวิเคราะห์ผู้เรียน เพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้ผู้เรียนบรรลุอย่างชัดเจน แล้วจึงเลือกเนื้อหาสาระโดยพิจารณาความต่อเนื่องความยากง่ายและความสามารถของผู้เรียน ตลอดจนการกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ กลวิธีการจัดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดมุ่งหมายดังกล่าว
         
          ขั้น R: Research in effective learning environment
(การใช้วิจัยเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ซึ่งในที่นี้สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้หมายถึงการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน ) 

เป็นขั้นที่นักศึกษานำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้ในการปฏิบัติการเรียนรู้โดยนักศึกษาใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการพัฒนาสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ในการกำกับติดตามการปฏิบัติเพื่อให้ได้ความรู้ (Monitoring the Execution of knowledge) หรือการสร้างความรู้ใหม่และมีความกระจ่างชัด (Monitoring Clarity) และมีความถูกต้องเม่นยา (Monitoring Accuracy) ซึ่งในขั้นตอนนี้นักศึกษาจะมีการเลือกรับและทำความเข้าใจข้อมูลใหม่ทำให้นักศึกษามีการรู้คิด (meta cognition) และกำกับติดตามการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งในขั้น R: Research in effective learning environment ประกอบด้วยขั้นตอน 5 ขั้น คือ
          1) วิเคราะห์ปัญหา
          2) วางแผนแก้ปัญหา
          3) จัดกิจกรรมแก้ปัญหา
          4) เก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูล
          5) สรุปผลการแก้ปัญหา

          ขั้น U: Universal Design for learning

เป็นขั้นการประเมินตรวจสอบทบทวนตนเองและการยืนยันความถูกต้องและนา ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากขั้น R: Research in effective learning environment ไปใช้ในการวางแผนและออกแบบการเรียนรู้ใหม่และมีการกำกับติดตามโดยการกำกับติดตามนั้น ต้องมีความถูกต้องเม่นยา (Monitoring Accuracy) ซึ่งเป็นไปตาม Meta Cognitive System ของมาร์ซาโนฟ

DRU MODEL : SNN

 



บทบาทครู
      1. แผนการจัดการเรียนรู้ 

      2. สื่อ นวัตกรรม สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ 
      3. เครื่องมือวัดผลการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้
1. กำหนดวัตถุประสงค์

1.1 ความรู้
1.2 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1.3 จิตวิทยาศาสตร์

2. กิจกรรม/ภาระงาน
2.1 กิจกรรมเพื่อให้รู้จุดประสงค์การเรียนรู้
2.2 เสาะหาหรือสืบค้นเพื่อบรรลุกิจกรรม
2.3 นาเสนอ และ วิพากษ์

3. วัดผล
3.1 ตรวจสอบทบทวนตัวเอง ตามกิจกรรมและภาระงาน
3.2 ประเมินตนเองในความรู้ กระบวนการและจิตวิทยาศาสตร์
3.3 การตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้ของตนเอง

บทบาทนักเรียน

abcd  S = Standard 
               (ตอบคำถาม)  
                     -----> ความรู้
                     -----> กระบวนการ
                     -----> จิตวิทยาศาสตร์
adfe  N = Networking เสาะหา/สืบค้น
                (สุปความรู้/วิพากษ์)
bcfc  N = No child left behind
                    -----> ตรวจสอบทบทวนตัวเอง ตามกิจกรรมและภาระงาน
                    -----> ประเมินตนเองในความรู้ กระบวนการและจิตวิทยาศาสตร์

รูปแบบการสอนแบบทางตรง

           แนวคิดของรูปแบบ การเรียนการสอนโดยจัดสาระและวิธีการให้ผู้เรียนอย่างดี ทั้งด้านเนื้อหา ความรู้ และการให้ผู้เรียนใช้เวลาเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ

          วัตถุประสงค์ รูปแบบการสอนนี้มุ่งช่วยให้ได้เรียนรู้ทั้งเนื้อหาสาระและมโนทัศน์ต่างๆ รวมทั้งได้ฝึกปฏิบัติทักษะต่างๆ จนสามารถทำได้ดีและประสบผลสำเร็จในเวลาที่จำกัด

          กระบวนการเรียนการสอน
                1. ขั้นนำ
                         แจ้งวัตถุประสงค์ของบทเรียน สาระของบทเรียน และหน้าที่รับผิดชอบของผู้เรียน
                2. ขั้นนำเสนอบทเรียน
                         นำเสนอเนื้อหาสาระ ข้อความรู้หรือมโนทัศน์ อธิบายชัดเจน และยกตัวอย่างประกอบ
                3. ขั้นฝึกปฏิบัติตามแบบ
                         ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนปฏิบัติเป็นตัวอย่าง
                4. ขั้นฝึกปฏิบัติภายใต้การกำกับชี้แนะ
                         ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยผู้สอนคอยดูแลอยู่ห่างๆ
                5. การฝึกปฏิบัติอย่างอิสระ
                         ผู้สอนปล่อยให้ผู้เรียนปฏิบัติต่อไปอย่างอิสระ เพื่อช่วยให้เกิดชำนาญและการเรียนรู้อย่างคงทน

          ผลที่คาดว่าจะได้รับ ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติตามความสามารถของตน จนสามารถวัตถุประสงค์ ทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการเรียน และมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง

การสอนแบบสร้างความรู้ด้วยตนเอง

     แนวคิด 
          1. เริ่มที่ผู้เรียนต้องอยากรู้ อยากเรียน อยากทำก่อน จึงจะเป็นตัวเร่งให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ
          2. ใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียน เป็นแรงจูงใจภายใน ให้เกิดการสร้างสรรค์ความรู้
          3. การเรียนรู้เป็นทีม จะดีกว่าการเรียนรู้คนเดียว

     ขั้นตอนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
          1. Explore คือ การสำรวจตรวจค้น บุคคลจะเริ่มสำรวจตรวจค้นหรือพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่สนใจจะเรียนรู้ 
          2. Experiment คือ การทดลอง เป็นการทดลองทำภายหลังจากที่มีการสำรวจไปแล้ว
          3. Learning by doing คือ การเรียนรู้จากการกระทำ เป็นการลงมือปฏิบัติ การได้ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่มีความหมายต่อตนเอง แล้วสร้างองค์ความรู้ของตนเองขึ้นมา
          4. Doing by learning คือ การทำเพื่อที่จะให้เกิดการเรียนรู้

หลักการแนวคิดรูปแบบการสอน

ที่
รูปแบบการสอน
ขั้นตอนการสอน
1
Constructionism
1. Explore  
    การสำรวจตรวจค้น ในขั้นตอนนี้บุคคลจะเริ่มสำรวจตรวจค้นหรือพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งใหม่ (assimilation)ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อได้พบหรือ ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่ไม่มีอยู่ในสมองของตน ก็จะพยายามรับหรือดูดซึมเก็บเข้าไปเป็นความรู้ใหม่
2. Experiment
   การทดลอง ในขั้นตอนนี้จะเป็นการทดลองทำภายหลังจากที่มีการสำรวจไปแล้ว เป็นการปรับ
ความแตกต่าง(accommodation) เมื่อได้พบหรือปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่สัมพันธ์กับความคิดเดิมที่มีอยู่ในสมอง นั่นหมายความว่าเริ่มจะปรับความแตกต่างระหว่างของใหม่กับของเดิมจนเกิดความเข้าใจว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งใหม่นี้
3. Learning by doing  
    การเรียนรู้จากการกระทำ ขั้นนี้เป็นการลงมือปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือการได้ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่มีความหมายต่อตนเอง แล้วสร้างเป็นองค์ความรู้ของตนเองขึ้นมา ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับขั้นตอนที่ผ่านมา ขั้นนี้จะเกิดทั้งการดูดซึม (assimilation) และ การปรับความแตกต่าง(acommodation)ผสมผสานกันไป
2
Biggs 3P Model
1. ครูนำ เสนอบทเรียนในขั้นนำ เสนอ (P1 = Presentation)โดยนำ เสนอเป็นรูปประโยคที่ใช้ในการสื่อสาร (Whole Language) ไม่แยกสอนเป็นคำ ๆ นักเรียนจะเข้าใจภาษานั้นโดยภาพรวม หลีกเลี่ยงการแปลคำ ต่อคำ การนำ เสนอต้องชัดเจน และตรวจสอบจนแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจสิ่งที่ครูนำ เสนอนั้น
2.ครูใช้กิจกรรมในขั้นฝึก (P2=Practice)อย่างหลากหลาย โดยยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ฝึกหัดและพูดในกลุ่มใหญ่ (Whole Group)ก่อน เพื่อให้นักเรียนมีความมั่นใจในการใช้ภาษา ฝึกกลุ่มย่อยโดยใช้
การฝึกลูกโซ(Chain Drill) เพื่อให้โอกาสนักเรียนได้สื่อสารทุกคน ฝึกคู่ (Pair Work) เปลี่ยนกันถาม-ตอบ เพื่อสื่อสารตามธรรมชาติแล้วจึงให้นักเรียนฝึกเดี่ยว (Individual) โดยฝึกพูดกับครูทีละคน การฝึกเดี๋ยวนี้ครูจะเลือกนักเรียนเพียง 2-3 คน เพื่อทำ เป็นตัวอย่างในแต่ละครั้ง กิจกรรมขั้นนี้ใช้เวลา แต่นักเรียนจะได้ปฏิบัติจริง ครูเพียงแต่คอยกำ กับดูแลให้การฝึกดำ เนินไปอย่างมีความหมายและสนุก
3. กิจกรรมขั้นนำ เสนอผลงาP3 (Production) เป็นขั้นที่นักเรียนจะนำ ภาษาไปใช้ ครูอาจจะให้ทำ แบบฝึกหัด อ่านและเขียนร้องเพลงหรือเล่นเกม ที่สืบเนื่องและเกี่ยวข้องกับภาษาที่เรียนมาในขั้นที่ 1 และ 2 อาจให้ทำ งานเป็นการบ้านหรือสร้างสรรค์ผลงาน
3
SU learning Model
1.ผู้เรียนกำหนดกรอบวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของตนเอง ด้วยการระบุ ความรู้และการปฏิบัติโดยระบุความรู้ ในรูปของสารสนเทศหรือdeclarative knowledgeและระบุทักษะ การปฏิบัติ(โครงงาน งานภาระงาน)
กลยุทธ์ ทักษะ หรือกระบวนการหรือ procedural knowledgeและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
2.ผู้เรียนออกแบบการเรียนรู้ และระบุเกณฑ์คุณภาพวัตถุประสงค์การเรียนรู้เป็นค่าระดับตามโครงสร้างการสังเกตผลการเรียนรู้ (structure of observed learning out-comes:
 SOLO Taxonomy
กรณีที่วัตถุประสงค์เป็นความรู้ความเข้าใจ จะระบุเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน(collaborative learning)
หรือการเรียนรู้แบบนำตนเอง(self-directed learning)โดยคำนึงถึงความมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพ ถ้าผู้เรียนต้องการการเรียนรู้แบบการมีความคิดวิจารณญาณ จำเป็นจะต้องใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน(cooperative learning)มีการอภิปรายเรื่องราวที่เรียนรู้ กลยุทธการเรียนรู้แบบท างานเป็นทีม หรือกลยุทธการเรียนรู้เพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์
4
DRU  Model
1. P= Planning การวางแผน
   D = Design การออกแบบและการพัฒนา
   C = Cognitive network 
ความรู้ความกระจ่างชัด
    A= Affective network
การเรียนรู้จากเพื่อนร่วม วิชาชีพ

2. C= Cognitive network ความรู้ความกระจ่างชัด
L = Learning การเรียนรู้
 M = Management 
การจัดการ,การควบคุม
   S = Strategic network 
 (กลวิธี)
3. A = Assessment
(การประเมินค่า)
    S = Strategic network  (กลวิธี)
    A= Affective network
 (การเรียนรู้จากเพื่อนร่วม
  วิชาชีพ)
   E = Evaluation  
    (การประเมินผล)
5
SNN  Model
กำหนดจุดประสงค์
- ความรู้
-ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
จิตวิทยาศาสตร์
กิจกรรมภาระงาน
- กิจกรรมเพื่อให้รู้จุดประสงค์การเรียนรู้
   -เสาะหาหรือสืบค้นเพื่อบรรลุกิจกรรม
   -  นำเสนอ และ วิพากษ์
วัดผล
- ตรวจสอบทบทวนตัวเอง ตามกิจกรรมและภาระงาน
    -ประเมินตนเองในความรู้ กระบวนการและจิตวิทยาศาสตร์
    -การตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้ของตนเอง


เปรียบเทียบ

รูปแบบการสอนแบบเดิม (9-20 .60)
Model  SNN
ขั้นนำ    
     ผู้สอนกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ และใช้คำถามกระตุ้นความสนจู้เรียน เพื่อนำเข้าสู่บทเรียน
S = Standard
-ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษา เรื่อง ระบบสุริยะ ในอินเตอร์เน็ตและหนังสือเรียน

ขั้นสอน
     ผู้สอนมีวิดิโอ เกมส์ ใบกิจกรรม สื่อการสอน ที่เหมาะสมใช้ในการเรียนการสอน โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นหาความรู้ด้วยตนเอง
N = Networking
   1.ให้นักเรียนทุกคนในกลุ่มทำออกมาเขียนหน้ากระดาน ว่าระบบสุริยะประกอบด้วยดาวเคราะห์กี่ดวง โดยให้นักเรียน ออกแบบกิจกรรมเอง เพื่อวัดความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาที่นักเรียนได้ศึกษา
   2.ครูพร้อมนักเรียนให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ มีทั้งหมด  ดวงในระบบสุริยะ เรียงลำดับจากใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดออกไป มีดังนี้คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
   3.ครูและนักเรียนลงข้อสรุป และร่วมกันอภิปราย เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ได้มา
ขั้นสรุป
      ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความรู้ที่ได้กับผู้เรียนด้วยกันและได้นำความรู้ที่ได้ ไปถามผู้รู้เรื่องนั้นๆ หรือถามผู้สอน ผู้สอนสังเกตและประเมินผลการเรียนการสอนว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่
N = No child left behind
-ให้นักเรียนระดมความคิดแยกเป็นดาวแต่ละดวง โดยครูเป็นผู้ดูแลการจัดกลุ่ม การนำเสนอข้อมูล โดยที่ไม่ทิ้งเด็กไว้ตามลำพัง แต่จะคอยเป็นเสมือนผู้ช่วย


เขียนคำถามเพื่อให้พัฒนารูปแบบได้
DRU Model คืออะไร
คือ การวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
คือ ขั้นการวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
คือการตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDLเพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้

DRU Model ด้านความรู้ (Knowledge) สอดคล้องกับปรัชญาใดบ้าง
        
        ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism)
        ปรัชญานิรันดรนิยม (Perenialism)
DRU Model ด้านผู้เรียน (Learner) สอดคล้องกับปรัชญาใดบ้าง
        ปรัชญาการศึกษาอัตถิภาวะนิยม (Existentialism)
DRU Model ด้านสังคม (Society) สอดคล้องกับปรัชญาใดบ้าง
        ปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)
หลักการ DRU Model มีว่าอย่างไร
         1. หลักปรัชญาการสอน ใช้หลักปรัชญาการสอนตามแนวคิด ทฤษฎีสรรค์นิยม
         2. การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ( learner centered learning)การเรียนรู้โดยใช้การวิจัย เป็นฐานะ และการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน (cooperative learning)
         3. การประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริง (authentic assessment)และกำหนดคุณภาพตามแนวคิด SOLO Taxonomyร่วมกับแนวคิดกำรออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสำกล (Universal Design for Learning and Assessment)